Translate

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เธอทำให้ฉันหลงรัก "จักรวาลบ้านดิน"

การเดินทางไปเชียงใหม่ครั้งนี้ เป้าหมายที่วางไว้ไม่ใช่ที่นี่เลย แต่ไม่รู้อะไรดลใจ พอได้เจอเธอ"จักรวาลบ้านดิน"ความรู้สึกเหมือนการเจอรักแรกที่ตามหามานาน ยอมทิ้งเงินมัดจำที่จองที่พักที่อื่น เพื่อจะมาพักที่นี่ เพียงแค่เห็นรูปเธอ ก็เหมือนหลงเสน่ห์เข้าให้อย่างจัง ยิ่งเมื่อได้คุยกับพี่เงาะที่สุดแสนจะเป็นกันเอง เหมือนคนรู้จักกันมานานทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้า บอกได้อย่างเดียวว่าตกหลุมรักเธอเข้าให้แล้ว
"จักรวาลบ้านดิน"







เมื่อได้เจอกัน ไม่ผิดหวังเลยจริงๆที่ตกหลุมรักเธอ เธอช่างสวยงาม โดดเด่นแปลกตา ไม่เหมือนใคร มีเสน่ห์เอามากๆ 


บ้านดินที่นี่เกิดขึ้นจากความรักในงานศิลปะล้วนๆ แนวคิดในการสร้างบ้านดินสุดอาร์ตสีสันสดใสตกแต่งด้วยงานศิลปะที่ทำกันเองแบบ Junk Art เพราะของตกแต่งที่นี่ส่วนมากมาจากขยะ ที่แปรสภาพมาเป็นสิ่งสวยงามอย่างที่เราคาดไม่ถึง  


 ที่นี่ไม่ใช่โรงแรม จึงไม่มีพนักงานยกกระเป๋า ไม่มีทีวี ตู้เย็น หรือสิ่งอำนวยความสะดวกมากเกินความจำเป็น แต่สิ่งที่มีทดแทนให้คือ อากาศที่สุดแสนจะบริสุทธ์ สายหมอกลอยอ้อยอิ่งรอบๆตัว  ความสงบเป็นส่วนตัวในการพักผ่อน และความสุขสนุกสนานมิตรไมตรีจากเจ้าของบ้านที่หยิบยื่นมาให้เหมือนคนคุ้นเคยกันมานานแสนนาน ยังจะต้องการอะไรอีก 




พาไปดูห้องพักแบบต่างๆดีกว่า วันที่เราเข้าพักถึงอากาศจะไม่เป็นใจ ฝนตกตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่เรายังโชคดีบ้าง วันนี้บ้านทุกหลังว่าง ไม่มีแขกเข้าพัก ทำให้จักรวาลใบนี้เป็นของเราผู้เดียว เดินถ่ายรูปได้เกือบครบทุกห้องเลย 


ที่นี่มีบ้านดินทั้งหมด 14 หลัง แต่เปิดให้พัก 12 หลัง ชื่อบ้านแต่ละหลังก็จะออกแนวตามใจคนสร้าง สร้างกันทีละหลัง สองหลัง ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋า "มีเงินก็สร้าง ไม่มีเงินก็หยุด" ทำไปเรื่อยๆ 

 เริ่มจากบ้านหลังแรกกันเลยดีกว่า "บ้านกุหลาบ" สร้างขึ้นเป็นหลังแรก มีสองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น โดดเด่นด้วยสีสันและลวดลายที่วาดลงผนังอย่างมาก 


ภายในกว้างขวาง แบ่งห้องนอนอยู่ทางปีกซ้ายและปีกขวา ตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่น หลังบ้านสามารถเปิดประตูออกไปนั่งรับลมเย็นๆสบายๆส่วนตัวได้ด้วย ภาพวาดดอกกุหลาบจะมีให้เห็นเกือบทุกมุมของห้องแม้กระทั่งพื้น เพราะห้องนี้เป็นห้องกุหลาบแสนหวาน 



หลังนี้สีสันแจ่มและเป็นที่นิยมไม่แพ้กัน ตั้งอยู่ตรงกลางของจักรวาล "บ้านจีน" นอกจากสีน้ำเงินเข้มสะดุดตาแล้ว หน้าบ้านยังมีองครักษ์ยืนเฝ้าประตูถึงสองคน พี่หวังเฉา และพี่หม่าฮั่น รวมถึงชุดโต๊ะนั่งเล่นหน้าบ้านสีแดงสด ตัดกันได้อย่างลงตัว ถ้าฟ้าใสๆช่วงกลางวันคง ถ่ายรูปสวยน่าดู 

ห้องนอนของเราในคืนนี้ แต่ถ่ายรูปมาได้ไม่เยอะเท่าที่ควรเพราะ ตั้งของเกะกะไปหน่อย ดูจากด้านนอกบ้านจีนดูเหมือนจะแคบกว่าหลังอื่นๆ แต่พอเข้าไปในบ้านจริงๆ ไม่ได้แคบหรืออึดอัดเลย ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น จัดวางได้อย่างลงตัว อยู่สบายๆสองคน ของตกแต่งบ้านก็ทำให้นึกว่าไปนอนอยู่เมืองจีน
 

"บ้านญี่ปุ่น" เป็นบ้านอีกหลังที่ชอบมาก ตกแต่งได้สวยงาม กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นที่ลงตัว เป็นทรงคล้ายตัวแอล พื้นที่นั่งเล่นหน้าบ้านกว้าง ตั้งอยู่ห่างออกไปจากบ้านหลังอื่นหน่อย มีความเป็นส่วนตัวมาก น่าจะเหมาะกับคนที่ต้องการพักผ่อนอย่างสงบ


เปิดประตูบ้านเข้าไป เจอตุ๊กตาไล่ฝน แต่วันนี้ตุ๊กตาคงไม่ได้มาทำงานเพราะฝนตกไม่หยุดเลยทั้งวัน ภายในห้องตกแต่งตามแบบฉบับญี่ปุ่นโบราณ ชอบมุมนั่งจิบน้ำชาแบบนั่งพื้นห้องนี้มากๆ บนหัวเตียงมีรูปภูเขาไฟฟูจิเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกความเป็นญี่ปุ่นอีกด้วย แถมโคมไฟอลังการณ์และสวยงามมาก 



บ้านหลังสีเขียวครามหลังนี้คือ "บ้านทะเล" จุดเด่นคือ มุมนอนอ่านหนังสือหน้าบ้านมีหลังคา ใครมาหน้าฝนไม่เปียกแน่ แถมได้นอนดูฝนตกพรำๆสบายใจด้วย 







ภายในแต่งด้วยของใช้โทนสีฟ้าน้ำทะเล 



"บ้านเปอร์เซีย" ราคาห้องนี้แพงกว่าห้องอื่นนิดหน่อย เพราะของตกแต่งเป็นของโบราณนำเข้าจากแถบคาบสมุทรเปอร์เซีย และให้ความใส่ใจในรายละเอียดของที่ใช้ตกแต่งเยอะเป็นพิเศษ ถ้าได้นอนความรู้สึกคงเหมือนนอนอยู่ในราชวังกลางทะเลทรายในเปอร์เซียเลยทีเดียว


ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น จะให้ความพิถีพิถันในการตกแต่งอย่างมาก ห้องนี้จึงเป็นอีกห้องหนึ่งที่สวยงามและชื่นชอบมาก



ยามค่ำคืนถ้าวันฟ้าเปิดอากาศดีๆ จะมองเห็นดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้าไปหมด น่าเสียดายเราไม่ได้ชื่นชมช่วงเวลานั้น แต่ถ้าใครไปช่วงหน้าหนาวรับรองว่าคุณจะต้องประทับใจกับบรรยากาศยามค่ำคืนที่สวยงามของที่นี่แน่เลย (อันนี้ดูรูปจากรีวิวคุณชานไม้ชายเขามานะ) มีหอดูดาวกระจายอยู่หลายที่เลยทีเดียว เลือกมุมกันได้ตามใจชอบ







บรรยากาศยามเช้าหมอกลอยอ้อยอิ่ง อากาศเย็นสบาย ชนิดที่เรียกว่าสูดหายใจกันได้เต็มปอด ... ชอบจริงๆอารมณ์แบบนี้ นั่งเอื่อยเฉื่อย จิบชา ปล่อยให้เวลาผ่านไปช้าๆ ฟังเสียงนก สูดไอดิน ความสุขช่างเกิดขึ้นง่ายๆ ชนิดที่เรียกว่านาฬิกาไร้ความหมายไปเลยสำหรับที่นี่







"บ้านซาฟารี" ตั้งอยู่ด้านหลัง บนเนิน ติดกับหอดูดาว เดินออกจากบ้านปุ๊บขึ้นบันได้ไปนอนชมวิว ดูดาวสบายใจเลยคะ 


บ้านนี้ออกแบบห้องนอนให้ความรู้สึกเหมือนนอนอยู่ในถ้ำ 
เก๋ไปอีกแบบ





 หลังนี้คือ "บ้านดอกไม้" สีหว้าน หวาน


คุณสมบัติพิเศษของบ้านดิน คือกลางวันจะเย็นสบาย กลางคืนจะอุ่นกำลังดี จึงไม่จำเป็นต้องมีเครื่องปรับอากาศ บ้านทุกหลังมีหน้าต่างเยอะ เปิดรับลมให้อากาศถ่ายเทก็หลับสบายแล้ว 
ที่นี่มีเครื่องทำน้ำอุ่น กระติกน้ำร้อนให้ เครื่องดื่มชา กาแฟ ให้บริการตัวเองอยู่ตลอดเวลา



ใครอยากลองใช้ชีวิตแบบช้าๆ ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องเวลา ปล่อยกายปล่อยใจให้พักผ่อนให้เต็มที่ ชื่นชมและซึมซับกับงานศิลป์ง่ายๆรอบๆตัว แบบไม่รู้เบื่อ ถ้าคุณคิดว่าเหล่านี้คือสิ่งที่คุณต้องการในช่วงเวลาพักผ่อน ที่นี่ตอบโจทย์ของคุณได้แน่นอนคะ




ความกิ๊บเก๋ของจักรวาลบ้านดิน:
 คือบ้านทุกหลังมีบ้านเลขที่และทะเบียนบ้านนะจ๊ะ ลองสังเกตุดูหน้าบ้านทุกหลังมีเลขที่บ้าน ส่งจดหมายมาถึงบ้านพักตัวเองได้นะถ้าอยู่นานๆ
และถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นว่าทุกบ้านจะมีสัญลักษณ์ของศาสนาคริสต์ เพราะเจ้าของที่นี่เป็นคริสต์ จึงใส่ความเป็นตัวตน ความรักและซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าลงไปในงานศิลป์ที่ตัวเองชื่นชอบได้อย่างกลมกลืน


จุดเด่นของที่นี่  :
ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมากกว่ารีสอร์ท ความเป็นกันเองเหมือนมาบ้านเพื่อน
มุมถ่ายรูปสวยๆเยอะแยะมากมาย เพลิดเพลินได้ทั้งวัน
อากาศเย็นสบายตลอด เพราะอยู่กลางหุบเขา
มีความเป็นส่วนตัว เงียบสงบ เหมาะแก่การมาพักผ่อน
ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
เวลาเช็คอิน เช็คเอ้าท์ ไม่กำหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับห้องว่าง เช็คเอ้าท์เลทได้ตามใจชอบ ถ้าไม่มีคนมาใช้ห้องต่อ
ถึงจะอยู่ในหุบเขาแต่ก็มีสัณญาณโทรศัพท์ และ 3G ให้ใช้นะ โดยเฉพาะ DTAC มีทุกพื้นที่  AIS มีที่บ้านญี่ปุ่น และจุดบริการด้านหน้าสัญญาณแรงแป๊ะ ส่วนTrue สัญญาณดีที่บ้านจีน และหอดูดาวหลังบ้านจีน


จุดด้อยของที่นี่:
มียุงและแมลงช่วงเวลาเย็นใกล้ค่ำ และช่วงเช้า นอกจากเวลานั้นจะไม่มีนะ แนะนำให้พกสเปรย์กันยุงมาด้วยก็ดี
ไม่มีรถโดยสารผ่านหน้ารีสอร์ท การเดินทางต้องรถยนต์ส่วนตัวเท่านั้น
ถ้ามาหน้าโลว์ที่นี่ไม่มีอาหารเช้าบริการนะ 
ที่นี่ไม่มีทีวี ตู้เย็น หรือสิ่งอำนวยความสะดวกมากเกินจำเป็น ไม่เหมาะกับคนที่ติดทีวีนะคะ



จักรวาลบ้านดิน ตั้งอยู่ที่  ถนนหางดง-สะเมิง กม.17 จังหวัดเชียงใหม่ 
ใช้เวลาขับรถจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 40 นาทีก็ถึงแล้ว ถนนหนทางสะดวกสบาย ขึ้นเขานิดหน่อย จะเป็นรถเก๋ง หรือมอเตอร์ไซด์ก็สบายทั้งนั้น ขับมาทางเส้นหางดง -สะเมิงเรื่อยๆ จนถึงกม.ที่ 17 เจอลูกโลกจักรวาล และจักรยานอยู่ขวามือก็เลี้ยวเข้าไปเลยคะ รับรองไม่หลง 



เนื่องจากบ้านดินดูแลยาก ถ้าสนใจอยากจะมาพักต้องโทร หรือติดต่อจองล่วงหน้า เพื่อความสะดวกในการจัดเตรียมบ้านพักนะคะ
ติดต่อจองบ้านกับพี่เงาะคนสวยได้โดยตรงที่ 
เบอร์ติดต่อ : 08 6912 1222
Facebook : http://th-th.facebook.com/pages/Jakawan-Baandin/105848129524312



ฝากติดตามผลงานของ กินนอน On The Way ได้ทาง >>> https://www.facebook.com/kinnonOnTheWay  
ถ้าชื่นชอบก็กดไลท์กดแชร์ ให้กำลังกันได้นะคะ ขอบคุณคะที่ติดตามอ่าน

    


วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ชมวิวเมืองภูเก็ต 270 องศา ที่ ร้านทุ่งคา-กาแฟ บนยอดเขารัง

ร้าน "ทุ่งคา-กาแฟ" ชื่อนี้มีที่มาคะ "ทุ่งคา" เป็นภาษามลายู แปลว่า ใจกลางเมือง สมัยก่อนจึงเรียกบริเวณนี้ว่าทุ่งคา ส่วนที่เป็นทุ่งคากาแฟนั้น เป็นเพราะร้านนี้เดิมทีเดียวเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่คั่วเมล็ดกาแฟเอง จึงได้รับความนิยมมากในเรื่องรสชาติ และกลิ่นหอม และที่สำคัญสถานที่ตั้ง ตั้งอยู่บนยอดเขารัง ที่สามารถมองเห็นเมืองภูเก็ตได้เกือบทั้งเมือง ร้านนี้เปิดมา 40 ปีแล้ว ถือเป็นร้านเก่าแก่คู่เมืองภูเก็ตอีกร้านนึงเลยทีเดียว



ร้านหาไม่ยาก ขับรถขึ้นมาสุดบนยอดเขารัง ก็หาที่จอดได้เลยคะ เดินมาตามทางจุดชมวิวด้านหลังจะเจอป้ายร้าน เดินลงบันไดนิดนึงนะคะ เดินไม่ยากหรอกคะ ไม่ไกลด้วย ถึงร้านแล้วจะเจอเจ้าจ๋อพวกนี้นั่งต้อนรับอยู่ 


เลือกที่นั่งได้เลยคะ บรรยากาศดีมองเห็นวิวเมืองภูเก็ต ทั้งภูเขาและทะเลเลยคะ




ถึงจะไม่ได้นั่งโต๊ะที่เห็นวิว ก็ไม่ต้องเสียใจนะคะ เพราะทางร้านเค้าทำระเบียงไว้เป็นจุดชมวิวให้ลูกค้าได้มาถ่ายรูปกันได้เต็มที่เลยคะ 



อาหารเริ่มมาแล้วคะ แก้วนี้ชื่อว่า "ชาบิโก-มัชชะ" สงสัยหล่ะสิมันคืออะไรชื่อแปลกๆ ถ้ามาที่นี่ต้องลองเลยนะคะ เพราะถือเป็นเมนูแนะนำกันเลยทีเดียว เป็นชาเขียวปั่นกับข้าวเหนียวดำ หอมชาเขียว หวานนิดๆตักกินพร้อมข้าวเหนียวดำจะได้รสสัมผัสหอมข้าวเหนียวดำเพิ่มขึ้นด้วย อร่อยจนวางไม่ลงเลยทีเดียวสำหรับแก้วนี้


"โกปี้ช้าม" เป็น ชาผสมกาแฟ ถือเป็น Signature อีกแก้วนึงของที่นี่



"ปูลุยมรสุม" เป็นเนื้อปูสดกับกุ้งแชบ้วยหั่น ผสมกันคลุกแป้งทอดกรอบราดด้วยน้ำราดพริกสามรส สูตรพิเศษของทุ่งคา 


"หมี่ขาว-แกงปูใบชะพลู" เมนูนี้เห็นสั่งกันเกือบทุกโต๊ะเลยคะ แกงปูที่นี่ต่างจากที่อื่นตรงที่ ใช้เนื้อปูสดๆแกะเอาแต่เนื้อ เอามาแกงกับน้ำกะทิสด ใส่ใบชะพลู แกงปูของที่นี่จึงมีรสชาติหวานของเนื้อปูและหอมกะทิ ทานกับหมี่ขาวลวก เข้ากันสุดๆ

"กุ้งเจี๋ยนตะไคร้น้ำมะขาม" กุ้งทะเลตัวโตๆผัดกับน้ำมะขามและตะไคร้หั่นฝอย รสชาดออกเปรี้ยวๆหวานๆ 


"ต้มส้มขมิ้นใส่เนื้อปลา" ต้มส้มของที่นี่จะต่างกับที่อื่นตรงที่ใส่ขมิ้นด้วย เนื้อปลาจะเป็นปลาทะเลสดๆได้ลองกินแล้วต้องตักอีกถ้วย ชอบเลยคะ




"ส้มตำรวม" รวมอะไรไว้บ้าง มีหมูย่าง ปลาทรายทอดกรอบ กุ้งทะเลสด กินกับส้มตำอร่อยมาก ชอบตรงที่ใส่ปลาทรายทอดกรอบด้วย ส้มตำออกเปรี้ยวหวานนิดๆ เข้ากันมากเลยคะ 


ของหวานของที่นี่ก็เด็ดไม่แพ้ของคาวเลยคะ "กล้วยหอมทอด " จานนี้กินเป็นมื้ออาหารว่างก็ฟินไม่น้อย ได้กาแฟสักแก้วนะ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมเลยคะ



"อันดามัน"ของหวานสีสวยที่ไม่ควรพลาดเหมือนกัน ไอติมกะทิ ลูกชกสีเขียวมรกต(จะคล้ายลูกชิด แต่อร่อยกว่า)มันเชื่อมสีเหลือง เข้ากันมากๆ 



บรรยากาศยามเย็น สวยใช่ไหมหล่ะคะ นั่งดินเนอร์ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ ฟังเพลงเบาๆคงจะมีความสุขไม่น้อยว่าไหมคะ 




เต็มอิ่มกันไปแล้วสำหรับรีวิวร้านอาหารอร่อย บรรยากาศดี วิวสวย ใจกลางเมือง 
ราคาอาหารของที่นี่ถือว่าสมเหตุสมผลนะ เทียบกับคุณภาพอาหารสดที่เลือกมาปรุง ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเลที่เน้นความสด และตัวโต เพราะทางร้านจะไม่สต๊อกของสดไว้ใช้หมดวันต่อวัน เจ้าของร้านจ่ายตลาดเองด้วย จึงเลือกแต่ของดีมีคุณภาพมาทำอาหาร เกือบลืมไปอย่างนึง อาหารทุกจานไม่ใส่ผงชูรส





ร้านทุ่งคา-กาแฟ เปิดให้บริการตั้งแต่ 10.30-23.00 น. ทุกวัน
เบอร์โทร 076211500 อยากได้โต๊ะวิสวยๆ โทรไปจองกันได้เลยนะคะ
ฝากติดตามผลงานของ กินนอน On The Way ได้ทาง >>> https://www.facebook.com/kinnonOnTheWay 
                                           
  ดู ร้านทุ่งคา-กาแฟ ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า